ความเครียด เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มีกันทุกคน และผลที่ตามมาก็จะทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เสีย รู้สึกวิตกกังวล ทำให้ส่งผลต่อทุกอย่างที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน การใช้ชีวิต หรือแม้แต่การทำงาน หรือบางคนเกิดความเครียดมากๆ จนกลายเป็นโรคเครียดเรื้อรังเลยทีเดียว เราลองมาดูวิธีรับมือกับความเครียดกันดีกว่าค่ะ
ขั้นแรกจะเป็นความเครียดจากการรู้สึกเบื่อหน่าย หรืออ่อนล้ากับเรื่องบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องความรัก ซึ่งความเครียดในระดับนี้ ถือเป็นขั้นเริ่มต้นที่ไม่มีความเสี่ยงมาก ให้ลองหาเวลาพักผ่อน เปลี่ยนสถานที่ไปในที่ใหม่ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ หรือลองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อให้ไม่ฟุ้งซ่าน และคิดมาก
ความเครียดในระดับต่อมา จะเป็นความเครียดที่ต้องใช้ความคิดมากๆ ซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ไม่วาจะเป็นการนอนไม่หลับ ไม่อยากทานอาหาร ปวดหัวบ่อยๆ เก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่อยากออกไปพบเจอผู้คน ในระดับนี้ ควรแก้ไขให้หายขาด ปรับเปลี่ยนวิธีคิดโดยการปรึกษาหรือระบายกับคนที่เราไว้ใจ ซึ่งเป็นการช่วยลดความเครียดอีกอย่างหนึ่ง และพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการชีวิตให้เป็นปกติ หมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้น
สุดท้าย จะเป็นการเครียดในระดับสูง ซึ่งอาจจะเกิดจากการผิดหวัง หรือพบเจอปัญหาที่หนักมาก หลายคนใช้ทางออกเป็นการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด ทำร้ายร่างกายตนเอง บางรายถึงขั้นใช้วิธีการฆ่าตัวตายเป็นการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะนอกจากจะทำให้เสียสุขภาพกายแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆ อีกด้วย วิธีแก้ไขคือ อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ความเครียดในทุกระดับ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากสมองและจิตใจของเรา หากเครียดมากๆ จะเกิดการกระตุ้นให้หลั่งสารที่ยับยั้งการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก และไปเพิ่มการทำงานของเซลล์ออสติโอคลาสต์ ซึ่งทำหน้าที่สลายกระดูกแทน จึงทำให้มวลกระดูกลดลง และหากเป็นอย่างต่อเนื่องก็เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกบาง หรือโรคกระดูกพรุนได้
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การจัดการความเครียดด้วยการตั้งสติ ลองจัดระเบียบปัญหาที่เกิดขึ้น ว่าควรจะทำอะไรก่อน เพื่อแก้ปัญหาเป็นลำดับขั้นตอน และค่อยๆ แก้ทีละปมอย่างรอบคอบและมีสติ เพื่อผ่อนเรื่องหนักให้เป็นเบาได้
ความเครียด เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มีกันทุกคน และผลที่ตามมาก็จะทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เสีย รู้สึกวิตกกังวล ทำให้ส่งผลต่อทุกอย่างที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน การใช้ชีวิต หรือแม้แต่การทำงาน หรือบางคนเกิดความเครียดมากๆ จนกลายเป็นโรคเครียดเรื้อรังเลยทีเดียว เราลองมาดูวิธีรับมือกับความเครียดกันดีกว่าค่ะ
ขั้นแรกจะเป็นความเครียดจากการรู้สึกเบื่อหน่าย หรืออ่อนล้ากับเรื่องบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องความรัก ซึ่งความเครียดในระดับนี้ ถือเป็นขั้นเริ่มต้นที่ไม่มีความเสี่ยงมาก ให้ลองหาเวลาพักผ่อน เปลี่ยนสถานที่ไปในที่ใหม่ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ หรือลองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อให้ไม่ฟุ้งซ่าน และคิดมาก
ความเครียดในระดับต่อมา จะเป็นความเครียดที่ต้องใช้ความคิดมากๆ ซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ไม่วาจะเป็นการนอนไม่หลับ ไม่อยากทานอาหาร ปวดหัวบ่อยๆ เก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่อยากออกไปพบเจอผู้คน ในระดับนี้ ควรแก้ไขให้หายขาด ปรับเปลี่ยนวิธีคิดโดยการปรึกษาหรือระบายกับคนที่เราไว้ใจ ซึ่งเป็นการช่วยลดความเครียดอีกอย่างหนึ่ง และพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการชีวิตให้เป็นปกติ หมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้น
สุดท้าย จะเป็นการเครียดในระดับสูง ซึ่งอาจจะเกิดจากการผิดหวัง หรือพบเจอปัญหาที่หนักมาก หลายคนใช้ทางออกเป็นการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด ทำร้ายร่างกายตนเอง บางรายถึงขั้นใช้วิธีการฆ่าตัวตายเป็นการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะนอกจากจะทำให้เสียสุขภาพกายแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆ อีกด้วย วิธีแก้ไขคือ อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ความเครียดในทุกระดับ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากสมองและจิตใจของเรา หากเครียดมากๆ จะเกิดการกระตุ้นให้หลั่งสารที่ยับยั้งการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก และไปเพิ่มการทำงานของเซลล์ออสติโอคลาสต์ ซึ่งทำหน้าที่สลายกระดูกแทน จึงทำให้มวลกระดูกลดลง และหากเป็นอย่างต่อเนื่องก็เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกบาง หรือโรคกระดูกพรุนได้
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การจัดการความเครียดด้วยการตั้งสติ ลองจัดระเบียบปัญหาที่เกิดขึ้น ว่าควรจะทำอะไรก่อน เพื่อแก้ปัญหาเป็นลำดับขั้นตอน และค่อยๆ แก้ทีละปมอย่างรอบคอบและมีสติ เพื่อผ่อนเรื่องหนักให้เป็นเบาได้